Find you need product

ENGINEERING VACUUM TECHNOLOGY CO.,LTD.

Ultrasonic washing machine เครื่องล้างอัลตราโซนิก คืออะไร ใช้ทำอะไร

Ultrasonic washing machine เครื่องล้างอัลตราโซนิก เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่เกาะตามผิววัตถุประเภทต่างๆ โดยใช้หลักการของคลื่นเสียงความถี่สูง (อัลตราโซนิก) ร่วมกับน้ำเปล่าหรือน้ำยาทำความสะอาด

หลักการทำงาน

  1. เกิดคลื่นเสียงความถี่สูง: เครื่องจะปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงที่มีความถี่มากกว่า 20,000 เฮิรตซ์
  2. เกิดฟองอากาศ: คลื่นเสียงความถี่สูงจะทำให้เกิดฟองอากาศขนาดเล็กจำนวนมากในน้ำ
  3. ฟองอากาศแตกตัว: ฟองอากาศเหล่านี้จะขยายตัวและหดตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อฟองอากาศแตกตัวจะเกิดแรงดันและพลังงานมหาศาล
  4. แรงดันขจัดสิ่งสกปรก: แรงดันและพลังงานจากฟองอากาศที่แตกตัวจะไปกระทบกับผิววัตถุ ช่วยให้สิ่งสกปรกที่เกาะอยู่หลุดออกจากผิววัตถุ

ข้อดี

  • ทำความสะอาดได้อย่างละเอียด: คลื่นเสียงอัลตราโซนิกสามารถเข้าถึงซอกหลืบเล็กๆ ของวัตถุได้ดี จึงช่วยขจัดสิ่งสกปรกได้อย่างละเอียด
  • ไม่ทำลายพื้นผิววัตถุ: การทำความสะอาดด้วยคลื่นเสียงอัลตราโซนิก ไม่ใช้แรงขัดถู จึงไม่ทำลายพื้นผิวของวัตถุ
  • ประหยัดน้ำและสารเคมี: ใช้น้ำและสารเคมีน้อยกว่าวิธีการทำความสะอาดแบบอื่นๆ

ข้อเสีย

  • ราคาแพง: เครื่องล้างอัลตราโซนิกมีราคาค่อนข้างแพง
  • ไม่เหมาะกับวัตถุทุกประเภท: วัตถุบางประเภทอาจเสียหายจากคลื่นเสียงอัลตราโซนิก
  • ทำความสะอาดได้ช้า: การทำความสะอาดด้วยคลื่นเสียงอัลตราโซนิกใช้เวลานานกว่าวิธีการทำความสะอาดแบบอื่นๆ

การใช้งานในอุตสาหกรรม

เครื่องล้างอัลตราโซนิกนิยมใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ดังนี้

  • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์: ใช้ทำความสะอาดแผงวงจร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ
  • อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์: ใช้ทำความสะอาดเครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์ผ่าตัด ฯลฯ
  • อุตสาหกรรมอัญมณี: ใช้ทำความสะอาดเครื่องประดับ นาฬิกา ฯลฯ
  • อุตสาหกรรมยานยนต์: ใช้ทำความสะอาดชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอะไหล่ ฯลฯ
  • อุตสาหกรรมอาหาร: ใช้ทำความสะอาดเครื่องมือ อุปกรณ์ประกอบอาหาร ฯลฯ

ตัวอย่างเครื่องล้างอัลตราโซนิก

  • เครื่องล้างอัลตราโซนิกแบบถังเดียว: เหมาะสำหรับการทำความสะอาดอุปกรณ์ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เครื่องมือการแพทย์ ชิ้นส่วนไฟฟ้า ฯลฯ
  • เครื่องล้างอัลตราโซนิกแบบหลายถัง: เหมาะสำหรับใช้ล้างวัตถุที่มีหลายประเภทและมีจำนวนมาก นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป

ส่วนประกอบของเครื่องล้างอัลตราโซนิกแบบหลายถัง

เครื่องล้างอัลตราโซนิกแบบหลายถัง ประกอบไปด้วยส่วนประกอบหลักดังนี้

  1. ถัง: ทำจากสแตนเลสหรือวัสดุที่ทนทานต่อสารเคมี มีหลายขนาดและความจุ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
  2. ตัวแปลงพลังงาน: แปลงพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกลในรูปของคลื่นเสียงความถี่สูง
  3. แผ่นเปล่งคลื่น: ติดตั้งอยู่ที่ก้นถัง ทำหน้าที่ส่งคลื่นเสียงความถี่สูงลงในน้ำ
  4. ระบบควบคุม: ควบคุมการทำงานของเครื่อง เช่น ตั้งเวลา อุณหภูมิ กำลังไฟ
  5. ระบบทำความร้อน: ควบคุมอุณหภูมิของน้ำในถัง
  6. ระบบกรอง: กรองสิ่งสกปรกออกจากน้ำ
  7. ถังล้าง: สำหรับล้างชิ้นงานด้วยน้ำสะอาดหลังจากล้างด้วยอัลตราโซนิกแล้ว (มีในบางรุ่น)

กระบวนการของเครื่องล้างอัลตราโซนิกแบบหลายถัง

กระบวนการของเครื่องล้างอัลตราโซนิกแบบหลายถัง มีดังนี้

  1. เตรียมน้ำ: ใส่น้ำสะอาดลงในถัง ปริมาณน้ำควรท่วมชิ้นงาน
  2. เติมสารเคมี: เติมสารเคมีทำความสะอาดลงในน้ำ ชนิดและปริมาณของสารเคมีขึ้นอยู่กับประเภทของชิ้นงานและสิ่งสกปรก
  3. ตั้งอุณหภูมิ: ตั้งอุณหภูมิของน้ำ อุณหภูมิที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับประเภทของชิ้นงานและสารเคมี
  4. ตั้งเวลา: ตั้งเวลาการล้าง ระยะเวลาการล้างขึ้นอยู่กับประเภทของชิ้นงาน สิ่งสกปรก และความเข้มข้นของสารเคมี
  5. ใส่ชิ้นงาน: ใส่ชิ้นงานลงในถัง โดยไม่ให้ชิ้นงานสัมผัสกับก้นถังหรือผนังถัง
  6. เริ่มการล้าง: กดปุ่มเริ่มการทำงาน เครื่องจะปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงลงในน้ำ ทำให้เกิดฟองอากาศขนาดเล็ก ฟองอากาศเหล่านี้จะแตกตัวและสร้างแรงดัน แรงดันนี้จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกออกจากผิวชิ้นงาน
  7. ล้างด้วยน้ำสะอาด: หลังจากล้างด้วยอัลตราโซนิกเสร็จแล้ว นำชิ้นงานออกจากถัง และล้างด้วยน้ำสะอาดเพื่อขจัดสารเคมีที่

อบแห้ง: บางรุ่นมีระบบอบแห้ง สามารถอบแห้งชิ้นงานหลังจากล้างด้วยน้ำสะอาดเสร็จแล้ว

เครื่องล้างอัลตราโซนิกแบบหลายถัง ในบางรุ่นอาจมี Vacuum pump เพิ่มเติม ซึ่งมีหน้าที่ดังนี้

  • ดูดสิ่งสกปรกออกจากน้ำ: หลังจากล้างชิ้นงานด้วยอัลตราโซนิกเสร็จแล้ว Vacuum pump จะช่วยดูดสิ่งสกปรกที่หลุดออกจากชิ้นงาน ออกจากน้ำในถัง ช่วยให้ทำความสะอาดน้ำในถังได้ง่ายขึ้น
  • ไล่ฟองอากาศออกจากชิ้นงาน: Vacuum pump ช่วยไล่ฟองอากาศที่เกิดขึ้นระหว่างการล้างด้วยอัลตราโซนิก ออกจากชิ้นงาน ช่วยให้ชิ้นงานแห้งสนิทเร็วขึ้น

ข้อดี

  • ทำความสะอาดน้ำในถังได้ง่ายขึ้น: Vacuum pump ช่วยดูดสิ่งสกปรกออกจากน้ำในถัง ช่วยให้ทำความสะอาดน้ำในถังได้ง่ายขึ้น ประหยัดเวลาและน้ำ
  • ชิ้นงานแห้งสนิทเร็วขึ้น: Vacuum pump ช่วยไล่ฟองอากาศออกจากชิ้นงาน ช่วยให้ชิ้นงานแห้งสนิทเร็วขึ้น ป้องกันการเกิดสนิม
  • อบแห้งชิ้นงานได้เร็วขึ้น: ความดันอากาศที่ต่ำในระบบสุญญากาศ ช่วยให้ความชื้นจากชิ้นงานระเหยออกได้เร็วขึ้น
  • อบแห้งชิ้นงานที่ไวต่อความร้อน: ระบบสุญญากาศช่วยให้สามารถอบแห้งชิ้นงานที่ไวต่อความร้อน โดยไม่ต้องใช้ความร้อนสูง

อย่างไรก็ตาม ระบบอบแห้งแบบสุญญากาศ มีราคาแพง และ มีความซับซ้อน มากกว่าระบบอบแห้งทั่วไป

การอบชุบด้วยความร้อน (Heat Treatment Process) คืออะไร

การอบชุบด้วยความร้อน (Heat Treatment Process) คือ กระบวนการที่ใช้ความร้อนเพื่อเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของวัสดุ โดยเฉพาะโลหะ โดยทั่วไปแล้ว จะใช้เพื่อปรับปรุงความแข็งแรง ความเหนียว ความต้านทานการสึกหรอ และคุณสมบัติอื่นๆ ของโลหะ

กระบวนการอบชุบด้วยความร้อนมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีวัตถุประสงค์และวิธีการที่แตกต่างกัน ประเภทที่พบบ่อย ได้แก่:

  • การอบอ่อน (Annealing) : ช่วยให้โลหะมีความนิ่มขึ้น เหนียวขึ้น และง่ายต่อการขึ้นรูป
  • การชุบแข็ง (Hardening) : ช่วยให้โลหะมีความแข็งแรงมากขึ้น ทนทานต่อการสึกหรอ
  • การอบชุบกลับ (Tempering) : ช่วยลดความเปราะบางของโลหะที่เกิดจากการชุบแข็ง
  • การอบปกติ (Normalization) : ช่วยขจัดความเครียดภายในโลหะ

ขั้นตอนทั่วไปของการอบชุบด้วยความร้อน ประกอบด้วย:

  1. การให้ความร้อน: โลหะจะถูกให้ความร้อนจนถึงอุณหภูมิที่กำหนด อุณหภูมินี้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของโลหะและผลลัพธ์ที่ต้องการ
  2. การแช่: โลหะจะถูกแช่ไว้ที่อุณหภูมิที่กำหนดเป็นระยะเวลาหนึ่ง
  3. การทำความเย็น: โลหะจะถูกทำให้เย็นตัวลงด้วยอัตราเร็วที่ควบคุมได้ อัตราการทำความเย็นนี้จะส่งผลต่อคุณสมบัติของโลหะขั้นสุดท้าย

การอบชุบด้วยความร้อน นั้นใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย เช่น

  • อุตสาหกรรมยานยนต์: ใช้เพื่อผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่มีความแข็งแรงและทนทาน
  • อุตสาหกรรมการบิน: ใช้เพื่อผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแรง
  • อุตสาหกรรมเครื่องมือ: ใช้เพื่อผลิตเครื่องมือตัดและเครื่องมือวัดที่มีความแม่นยำสูง
  • อุตสาหกรรมก่อสร้าง: ใช้เพื่อผลิตเหล็กเส้นและโครงสร้างเหล็กที่มีความแข็งแรง

ประโยชน์ของการอบชุบด้วยความร้อน

  • ปรับปรุงความแข็งแรง ความเหนียว และความต้านทานการสึกหรอของโลหะ
  • ขจัดความเครียดภายในโลหะ
  • ปรับปรุงความสามารถในการขึ้นรูปของโลหะ
  • ปรับเปลี่ยนคุณสมบัติทางแม่เหล็กและไฟฟ้าของโลหะ

กระบวนการ Heat Treatment ในสุญญากาศ (Vacuum Heat Treatment) คือการนำโลหะไปผ่านกระบวนการให้ความร้อนและทำความเย็นในสภาวะสุญญากาศ ซึ่งหมายถึงการกำจัดอากาศและก๊าซอื่นๆ ออกจากห้องเผา เพื่อให้ได้คุณสมบัติของชิ้นงานที่ต้องการ เช่น ความแข็ง ความเหนียว หรือความต้านทานการกัดกร่อนที่ดีขึ้น

เหตุผลที่ต้องใช้สุญญากาศ

  • ป้องกันการเกิดออกซิเดชัน: ในบรรยากาศที่มีออกซิเจน โลหะที่ถูกความร้อนจะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ทำให้เกิดสนิมและชั้นออกไซด์ที่ส่งผลเสียต่อคุณสมบัติของชิ้นงาน การใช้สุญญากาศจะช่วยป้องกันปัญหานี้
  • ป้องกันการคาร์บูไรเซชัน: ในบรรยากาศที่มีคาร์บอน เช่น ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ โลหะจะดูดซับคาร์บอนเข้าไป ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมีและโครงสร้างจุลภาคของโลหะ การใช้สุญญากาศจะช่วยควบคุมปริมาณคาร์บอนในชิ้นงานได้อย่างแม่นยำ
  • ได้พื้นผิวที่สะอาด: การกำจัดอากาศและก๊าซอื่นๆ ออกจากห้องเผา ทำให้ได้พื้นผิวชิ้นงานที่สะอาดปราศจากสิ่งสกปรก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกระบวนการเคลือบหรือการเชื่อม
  • ควบคุมบรรยากาศ: การใช้สุญญากาศทำให้สามารถควบคุมบรรยากาศภายในห้องเผาได้อย่างแม่นยำ เช่น การเติมก๊าซเฉื่อยเพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยาเคมีที่ไม่ต้องการ

ประโยชน์ของการใช้สุญญากาศ Vacuumใน Heat Treatment

  • คุณภาพของชิ้นงานสูงขึ้น: ได้ชิ้นงานที่มีความสม่ำเสมอของคุณสมบัติและมีพื้นผิวที่สวยงาม
  • ลดต้นทุน: ลดการเกิดข้อบกพร่องของชิ้นงาน ทำให้ลดต้นทุนการผลิต
  • เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต: กระบวนการผลิตเร็วขึ้นและมีความยืดหยุ่นสูง

สรุป

การใช้สุญญากาศในกระบวนการ Heat Treatment ของโลหะเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการผลิตชิ้นส่วนที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ อากาศยาน และการแพทย์

กระบวนการหล่อฉีด (Die Casting) คืออะไร? ใช้ Vacuum pump เพื่ออะไร

กระบวนการหล่อฉีด (Die Casting) คืออะไร

กระบวนการหล่อฉีด หรือ Die Casting เป็นเทคนิคการขึ้นรูปโลหะที่ใช้แรงดันสูงในการอัดฉีดโลหะเหลวเข้าไปในแม่พิมพ์ที่มีรูปร่างตามต้องการ ทำให้ได้ชิ้นงานที่มีความละเอียดสูงและมีความซับซ้อนมากขึ้นกว่าวิธีการหล่อแบบอื่นๆ

ขั้นตอนการหล่อฉีด

  1. หลอมโลหะ: โลหะที่ต้องการจะถูกหลอมให้เป็นของเหลว โดยทั่วไปจะเป็นโลหะผสมอลูมิเนียม, แมกนีเซียม หรือสังกะสี เนื่องจากมีจุดหลอมเหลวที่ต่ำและมีความคล่องตัวสูง
  2. ฉีดโลหะ: โลหะเหลวจะถูกฉีดเข้าไปในแม่พิมพ์ด้วยแรงดันสูงผ่านท่อฉีด (Runner) ทำให้โลหะเหลวแทรกซึมเข้าไปในทุกส่วนของแม่พิมพ์
  3. เย็นตัวและแข็งตัว: โลหะเหลวจะค่อยๆ เย็นตัวและแข็งตัวภายในแม่พิมพ์ ทำให้ได้ชิ้นงานที่มีรูปร่างตามแม่พิมพ์
  4. เปิดแม่พิมพ์และนำชิ้นงานออก: เมื่อโลหะแข็งตัวสมบูรณ์ แม่พิมพ์จะเปิดออกและนำชิ้นงานออก

ข้อดีของกระบวนการหล่อฉีด

  • ความละเอียดสูง: ได้ชิ้นงานที่มีความละเอียดสูงและมีความซับซ้อนมากขึ้น
  • ผลิตได้รวดเร็ว: สามารถผลิตชิ้นงานได้จำนวนมากและรวดเร็ว
  • ความแข็งแรง: ชิ้นงานที่ได้มีความแข็งแรงและทนทาน
  • ขนาดสม่ำเสมอ: ชิ้นงานที่ได้จะมีขนาดและรูปร่างที่สม่ำเสมอ
  • ลดขั้นตอนการผลิต: ช่วยลดขั้นตอนการผลิตและลดต้นทุน

การนำไปใช้งาน

กระบวนการหล่อฉีดถูกนำไปใช้ในการผลิตชิ้นส่วนโลหะในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น

  • อุตสาหกรรมยานยนต์: ผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนตัวถัง และอุปกรณ์เสริมต่างๆ
  • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์: ผลิตตัวเรือนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนมอเตอร์ และชิ้นส่วนประกอบต่างๆ
  • อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า: ผลิตชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ปั๊มน้ำ มอเตอร์ และตัวเรือนต่างๆ

สรุป

กระบวนการหล่อฉีดเป็นเทคนิคการขึ้นรูปโลหะที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความยืดหยุ่น สามารถผลิตชิ้นงานที่มีความซับซ้อนและมีคุณภาพสูงได้ ทำให้เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ

การใช้ปั๊มสุญญากาศ (Vacuum Pump) ในกระบวนการหล่อฉีด (Die Casting)

การใช้ปั๊มสุญญากาศในกระบวนการหล่อฉีดนั้นมีประโยชน์หลักๆ ดังนี้:

  1. การกำจัดก๊าซในโลหะหลอมเหลว:
  • ลดรูพรุน: เมื่อโลหะหลอมเหลวถูกฉีดเข้าไปในแม่พิมพ์ อาจมีก๊าซละลายอยู่ภายใน หากไม่กำจัดออก ก๊าซเหล่านี้จะขยายตัวเมื่อโลหะเย็นตัวลง ทำให้เกิดรูพรุนในชิ้นงาน ส่งผลต่อความแข็งแรงและความทนทาน
  • เพิ่มความหนาแน่น: การกำจัดก๊าซออกจะทำให้ชิ้นงานมีความหนาแน่นมากขึ้น เพิ่มความแข็งแรง และปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพอื่นๆ
  1. การปรับปรุงคุณภาพผิวของชิ้นงาน:
  • ลดการเกิดรอยขีดข่วน: การสร้างสุญญากาศในบริเวณที่โลหะหลอมเหลวสัมผัสกับแม่พิมพ์ จะช่วยลดแรงตึงผิวของโลหะ ทำให้โลหะไหลเข้าไปเติมเต็มช่องว่างในแม่พิมพ์ได้ดีขึ้น ลดการเกิดรอยขีดข่วนบนผิวชิ้นงาน
  • เพิ่มความเรียบเนียน: ผิวของชิ้นงานที่ได้จะมีความเรียบเนียนมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการตกแต่งผิวเพิ่มเติมมากนัก
  1. การปรับปรุงประสิทธิภาพการหล่อ:
  • เพิ่มอัตราการเติมเต็มแม่พิมพ์: การสร้างสุญญากาศจะช่วยดึงดูดโลหะหลอมเหลวให้ไหลเข้าไปเติมเต็มในส่วนที่ซับซ้อนของแม่พิมพ์ได้เร็วขึ้น
  • ลดความเสียหายของแม่พิมพ์: การลดแรงดันภายในแม่พิมพ์จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายของแม่พิมพ์

วิธีการใช้ปั๊มสุญญากาศในกระบวนการหล่อฉีด

โดยทั่วไปแล้ว จะมีการติดตั้งปั๊มสุญญากาศเชื่อมต่อกับระบบหล่อฉีด เพื่อสร้างสุญญากาศในบริเวณที่ต้องการ เช่น ภายในห้องหล่อ หรือบริเวณรอบๆ แม่พิมพ์ การเลือกใช้ปั๊มสุญญากาศจะขึ้นอยู่กับชนิดของโลหะที่หล่อ ขนาดของชิ้นงาน และความซับซ้อนของแม่พิมพ์

สรุป: การใช้ปั๊มสุญญากาศในกระบวนการหล่อฉีดเป็นเทคนิคที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพของชิ้นงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้ชิ้นงานที่มีความแข็งแรง ทนทาน และมีผิวเรียบเนียน ซึ่งเป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมต่างๆ

Static

Articles View Hits
853616

Partners

Welch
VTI
Inland
Mil
Klee
Free Joomla! templates by Engine Templates